welcome to my blog!

ยินดีต้อนรับผู้เข้าชม Blog ทุกท่านค่ะ

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แบ่งปันประสบการณ์ ที่พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ

สวัสดีจ้า! เพื่อน ๆ ที่น่ารักทุกคนวันนี้เราก็มีประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากกัน


เมื่อวันเสาร์ ที่ 25 กันยายน 2553 หลังจากที่พวกเราสอบเสร็จแล้ว ทางโรงเรียนก็ได้จัดกิจกรรม พานักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ไปทัศนศึกษา และสถานที่ที่พวกเราไปก็คือ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณและเมืองโบราณ ที่แรกที่พวกเราไปก็คือ >>




พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ (The Erawan Museum)


ก่อนอื่นเรามารู้จักช้างเอราวัณกันก่อน เพื่อน ๆ อาจจะรู้จักช้างเอราวัณกันมาบ้างแล้ว อาจจะเป็นในบทเรียน ช้างเอราวัณเป็นเทพบุตร เมื่อพระอินทร์จะเสด็จไปที่ใด เทพบุตรนั้นก็จะแปลงกายกลายเป็นช้างเอราวัณ เป็นช้างทรงของพระอินทร์ ที่จริงแล้วช้างเอราวัณในที่ปรากฎในตำรา มีเศียรถึง 33 เศียร ดังบทกลอนที่บรรยายถึงลักษณะของช้างเอราวัณ

อินทรชิตบิดเบือนกายิน เหมือนองค์อมรินทร์ ทรงคชเอราวัณ
ช้างนิรมิตฤทธิแรงแข็งขัน เผือกผ่องผิวพรรณ สีสังข์สะอาดโอฬาร์
สามสิบสามเศียรโสภา เศียรหนึ่งเจ็ดงา ดังเพชรรัตน์รูจี
งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี สระหนึ่งย่อมมี เจ็ดกออุบลบันดาล
กอหนึ่งเจ็ดดอกดวงมาลย์ ดอกหนึ่งแบ่งบาน มีกลีบได้เจ็ดกลีบผกา
กลีบหนึ่งมีเทพธิดา เจ็ดองค์โสภา แน่งน้อยลำเพานงพาล
นางหนึ่งย่อมมีบริวาร อีกเจ็ดเยาวมาลย์ ล้วนรูปนิรมิตมารยา
จับระบำรำร่ายส่ายหา ชำเลืองหางตา ทำทีดังเทพอัปสร
มีวิมานแก้วงามบวร ทุกเกศกุญชร ดังเวไชยันต์อมรินทร์
เครื่องประดับเก้าแก้วโกมิน ซองหางกระวิน สร้อยสายชนักถักทอง
ตาข่ายเพชรรัตน์ร้อยกรอง ผ้าทิพย์ปกตระพอง ห้อยพู่ทุกหูคชสาร
โลทันสารถีขุนมาร เป็นเทพบุตรควาญ ขับท้ายที่นั่งช้างทรง
บรรดาโยธาจัตุรงค์ เปลี่ยนแปลงกายคง เป็นเทพไทเทวัญ
ทัพหน้าอารักขไพรสัณฑ์ ทัพหลังสุบรรณ กินนรนาคนาคา
ปีกซ้ายฤาษิตวิทยา คนธรรพ์ปีกขวา ตั้งตามตำรับทัพชัย
ล้วนถืออาวุธเกรียงไกร โตมรศรชัย พระขรรค์คทาถ้วนตน
ลอยฟ้ามาในเวหน รีบเร่งรี้พล มาถึงสมรภูมิชัย



แต่เพื่อง่ายในการสร้าง และความสวยงาม จึงลดรูปช้างเอราวัณเหลือเพียง 3 เศียร






พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ ผู้สร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ คุณเล็ก วิริยะพันธุ์ เจ้าของวิริยะประกันภัยนั่นเอง เมื่อเข้าไปถึง จุดเด่นที่ไม่ว่าใครที่ไปก็ต้องเห็นเด่นมาแต่ไกลก็คือ หุ่นจำลองช้างเอราวัณตัวใหญ่ยักษ์ที่ตั้งอยู่เหนือยอดโดมของอาคารที่เป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์ หุ่นจำลองช้างเอราวัณนี้มีความสูงราว ๆ ตึก 14 ชั้น น้ำหนัก 150 ตัน ภายในตัวอาคารแยกเป็น 3 ชั้น ตามความเชื่อในหลักไตรภูมิ คือ ชั้นบาดาล ชั้นโลกมนุษย์ และชั้นสวรรค์ ชั้นแรกเขาให้ชื่อว่าเป็นชั้นบาดาล เขาไม่ให้ถ่ายรูปนะจ๊ะ ก็เลยไม่มีภาพมาให้เพื่อน ๆ ดู ชั้นนี้เขาจะจัดแสดงของเก่าที่เป็นของสะสมของคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ เช่น พระพุทธรูป เครื่องถ้วยชาม แจกัน ชุดน้ำชา มีรูปองค์จำลองมนุษยนาค นั่งอยู่กึ่งกลางห้อง สร้างขึ้นตามความเชื่อเพื่อให้มนุษยนาคคอยดูแลโบราณวัตถุที่อยู่ใต้น้ำ


ถัดขึ้นไปจะเป็นชั้นโลกมนุษย์ มีงานศิลปะให้ชม 3 ประเภทด้วยกัน งานปูนปั้นสดประดับด้วยเครื่องถ้วยเบญจรงค์ งานต้นเสาดีบุกดุนลาย และกระจกสี Stain Glass จะมีบันไดให้เราขึ้นไปสู่ชั้นสวรรค์ ชั้นนี้ถ่ายรูปได้ ก็เลยถ่ายรูปมาให้ดูกันจ้า


ด้านในของชั้นโลกมนุษย์





ตรงนี้จะมีพระโพธิ์สัตว์กวนอิม ให้เราได้บูชาสักการะ



ตรงส่วนนี้คือเพดานของโดมที่จะทำเป็นรูปกลุ่มดาวบนท้องฟ้า ให้เหมือนว่าเราอยู่ในโลกมนุษย์




รูปปั้นปลาอานนท์อยู่ใต้บันได ที่ทำเป็นรูปปั้นปลาอานนท์ก็เพราะเชื่อกันว่า ปลาอานนท์หนุนโลกอยู่


ชั้นต่อมาคือชั้นสวรรค์ เป็นส่วนของการจัดเก็บองค์พระพุทธรูปที่มีอายุสมัยเก่าแก่ ซึ่งยังมีงานศิลปะบนผนังท้องช้างที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับระบบสุริยะจักรวาล เป็นเทคนิคสีฝุ่นฝีมือช่างชาวเยอรมัน มีรูปมาให้ดูกันจ้า



ด้านในของชั้นสวรรค์ มีพระพุทธรูปให้เราได้สักการะ


ที่เห็นเป็นดวงไฟข้างบน ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเป็นบริเวณเศียรของช้าง

บรรยากาศข้างนอก รอบตัวอาคารจะมีการจัดแต่งสวนให้เป็นเหมือนสวนในวรรณคดี มีรูปมาให้ดูกัน



สวนที่จัดขึ้นเพื่อความสวยงามและร่มรื่น


บริเวณโดยรอบ





รูปปั้นสัตว์ในวรรณคดี





และเพื่อน ๆ ที่น่ารักของเรา



เพื่อน ๆ คนไหนสนใจ ก็สามารถชวนคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวกันได้นะ ^^

หาข้อมูลเพื่อเติมได้ที่ http://www.erawan-museum.com/thai/main.html จ่ะ

2 ความคิดเห็น: